นักวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลไม้พบว่า ผล Blueberry นั้น นอกจากจะรสอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถึงขั้นที่นักวิจัยจัดให้เป็นยอดผลไม้ชนิดใหม่

Blueberry ผลไม้ผล กลมเล็กๆ สีน้ำเงินเข้มนั้น ชาวอเมริกันอินเดียน หรืออินเดียนแดงใช้ในการปรุงอาหาร ใช้เป็นยา และทำสีย้อมแบบครามมานานแล้ว Blueberry เป็นไม้พุ่ม มี 2 ชนิด คือ ชนิดพุ่มสูงที่ปลูกกันตามบ้าน และชนิดพุ่มเตี้ย หรือ Blueberry ป่า

เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า Blueberry มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเพราะมีวิตามิน C และ วิตามิน E อยู่มาก ราวสองสามปีมานี้ ความต้องการ Blueberry สูงขึ้นมาก เมื่อนักวิจัยพบว่า ผลไม้กลมๆ เล็กๆ สีน้ำเงินเข้มนี้ มีสาร anti-oxidant อยู่ในระดับสูงด้วย สาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบ ช่วยต่อสู้ภาวะการแก่ตัวหรือชะลอความแก่ และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง นักวิจัยบอกว่ายิ่ง Blueberry ป่าด้วยแล้ว มีระดับสาร anti-oxidant สูงมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นใด

นักวิทยาศาสตร์ที่ University of Maine ในรัฐ Maine ซึ่งปลูกต้น Blueberry ป่ามากที่สุดในโลก กำลังทำการศึกษาหลายอย่างเกี่ยวกับผลไม้นี้ อย่างหนึ่งคือ การศึกษาที่มุ่งในเรื่องระบบหลอดเลือดหัวใจและผลที่ Blueberry มีต่อการปรับปรุงการไหลเวียนของโลหิต และการลดการอักเสบของเส้นเลือดใหญ่ การศึกษาอีกอย่างหนึ่ง มุ่งดูว่า ผลไม้นี้จะช่วยทำให้คนเรารู้สึกอิ่มโดยที่รับประทานอาหารน้อยได้หรือไม่ และยังมีการศึกษาเกี่ยวกับผลในการช่วยปรับปรุงขีดความสามารถของคนเรา ในการปรับสายตาให้ชินกับความมืด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านความปลอดภัยในการขับรถตอนกลางคืน

นอกจากนั้น ยังมีนักวิจัยกลุ่มอื่นศึกษาในเรื่องที่ว่า Blueberry จะช่วยในการบำบัดรักษาโรคอัลไซเมอร์ และโรคเบาหวานได้อย่างไรหรือไม่ด้วย

David Yarborough อาจารย์สาขาวิชาพืชสวนที่ University of Maine กล่าวว่า จากการศึกษาที่ผ่านมา ผล Blueberry ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคเหล่านั้น แต่ช่วยชะลอการขยายตัวของโรคและปรับปรุงสุขภาพ และความสามารถในการทำงานของอวัยวะต่างๆ

บลูเบอร์รี่และแอนติออกซิแดนท์

แอนติ ออกซิแดนท์เป็นสารที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับวัย ผลไม้สด รวมถึงบลูเบอร์รี่ และผักต่างๆ ประกอบไปด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติหลายชนิด เช่น วิตามินCและE. บลูเบอร์รี่1 ถ้วยจะมี VitaminC 14มิลลิกรัม และ วิตาิิมินE 0.8 มิลลิกรัม มากไปกว่านั้นบลูเบอร์รี่ยังมีสาร anthocyanins และ phenolics ซึ่งสามารถทำหน้าที่เหมือนแอนตี้ออกซิแดนท์ ตามข้อมูลอ้างอิงจาก USDA สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ บลูเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้ที่มีแอนติออกซิแดนท์สูงที่สุด ผลทดสอบค่าที่เรียกว่า "ORAC" (Oxygen Radical Absorbance Capacity) นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รี่สดให้สารแอนติออกซิแดนท์มากกว่าผลไม้ สดอื่นและผักต่างๆ


อานุภาพของ Alaska Wild Blueberry

Alaska Wild Blueberry เติบโตในป่าธรรมชาติท่ามกลางสิ่งแวดล้อม ชนพื้นเมือง Alaskan ถือว่า Wild Blueberry จัดเป็นสุดยอดอาหารซึ่งเป็นอาหารสุขภาพที่สามารถเยี่ยวยาได้ตามธรรมชาติ

ข้อเท็จจริงที่ได้ พบว่ามีเฉพาะในบลูเบอร์รี่ป่าจากอลาสก้าคือผลบลูเบอร์รี่จากอลาสก้ามีค่าสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูงกว่า 10 เท่าเมื่อวัดค่ากับผลบลูเบอร์รี่ธรรมดา ซึ่งการวัดค่าแอนตี้ออกซิแดนท์นี้ได้ทำวิจัยโดย USDA เช่นกัน

ประโยชน์ของน้ำ เมล็ดและเปลือกองุ่น

Grape concentrate น้ำองุ่นเข้มข้น
มีข้อมูลทางการแพทย์หลายฉบับที่กล่าวถึงประโยชน์โดยแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1.การลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
2.การลดการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ
3.การช่วยโรคกลุ่มทางเดินหายใจอุดตัน
4.การป้องกันความเสื่อมของประสาทตาจากความชรา
5.ฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย

การลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
ในองุ่นจะประกอบไปด้วยสารที่มีชื่อว่า flaviniod ซึ่งตัว flaviniod นี้สามารถช่วยลดการเกิดโรคหัวใจได้โดย 2 กลไกคือ
1.ลดการจับตัวกันของเกล็ดเลือดตามหลอดเลือด
2.ลดการเกิดคลอเลสเตอรอลชนิด LDL ซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย
นอกไปจากนี้ยังพบอีกว่าในองุ่นมีสารอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ดังนี้
1.ช่วยเพิ่ม NO (nitric oxide) ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการเกาะตัวกันของเกร็ดเลือด
2.ช่วยลดการสะสมตัวของคลอเลสเตอรอลซึ่งทำให้เกิดการหนาตัวขึ้นของหลอดเลือด
3.พบว่ามีการเพิ่มของสาร alpha-tocopherol ซึ่งเป็น antioxidant กลุ่มเดียวกันกับ vitamin E มีผลช่วยในการบำรุงกล้ามเนื้อหัวใจ
ซึ่งทั้งหมดนี้ยังมีส่วนช่วยลดระดับของคลอเลสเตอรอล LDL ซึ่งไม่ดีต่อร่างกายด้วย ทำให้ลดการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

องุ่นกับการลดการเกิดมะเร็ง
มี ข้อมูลมากมายที่ช่วยแสดงผลว่า องุ่นสามารถช่วยลดการเกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมโดยจะทำให้โอกาสแพร่กระจายของตัวมะเร็งลดน้อยลงและช่วย ให้อาการของมะเร็งเต้านมลดน้อยลง นอกจากนั้น ยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ด้วยซึ่งเป็นคุณสมบัติขององุ่น โดยเฉพาะองุ่นแดง กล่าวโดยสรุปว่า องุ่นมีผลทั้งในการป้องกัน การลดความเสี่ยง และการลดความรุนแรงของมะเร็งได้

การช่วยโรคกลุ่มทางเดินหายใจอุดตัน
ใน ทางเดินหายใจโดยปกติจะมีเซลล์ที่คอยทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลก ปลอมที่หลุดเข้ามา หลักๆคือ alveolar macrophage [แมคโครฟาจ] โดยปกติเจ้านี่จะทำหน้าที่จับสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อโรคกินแล้วจะเกิด กระบวนการทำลายไป แต่ผลพวงคือ macrophage จะปล่อยสารเคมีออกมาซึ่งสารนี้จะไปดึงดูดเม็ดเลือดขาวมาช่วยกันกำจัดสิ่ง แปลกปลอม ซึ่งสารที่มันปล่อยออกมานี้ผลดีคือกำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ แต่ผลเสียทางอ้อม คือเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจและเนื้อปอดจะโดนอัดไปด้วย สารตัวนี้คือ IL-8 (interleukin 8) จากการศึกษาพบว่าเมื่อทดลองใส่ flaviniod ที่มีในน้ำองุ่นลงไป พบว่า IL-8 นี้แทบจะตรวจไม่พบ ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจอยู่แล้ว

การป้องกันความเสื่อมของประสาทตาจากความชรา
Macular คือศูนย์รวมของการรับภาพบนจอประสาทตา(retina) ซึ่งเมื่ออายุมากๆขึ้นจะมีการเสื่อมได้ จึงเรียกว่า age-related คือสัมพันธ์กับอายุ ถ้ามีการเสื่อมก็จะทำให้มีปัญหาในการมองเห็น พบว่าการกินผลไม้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะองุ่นนี้ด้วยจะช่วยชะลอการเสื่อมของจุดรับภาพได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น